สวัสดีครับ
ในวันอังคารที่ผ่านมาก็เรียนตามปกติ ในคาบนี้ได้เรียนเพิ่มเกี่ยวกับ 誤用 หรือการใช้ผิด สมัยก่อนผู้สอนนิยมสอนเพื่อไม่ให้ผู้เรียนทำผิด
ใช้ผิดเลย สอนให้ระวังมากเสียจนผู้เรียนหลีกเลี่ยงการใช้ ต่อมามีคนกล่าวไว้ว่า
การทำผิดบ่อยๆ แล้วย้อนกลับมาดูจะเป็นการเรียนรู้ และมีคนเห็นด้วย
จึงเกิดศาสตร์เฉพาะทางขึ้นมาคือ 誤用分析 (error analysis) ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับการใช้ผิด
ทำผิดโดยเฉพาะ
จากนั้นก็มีคีย์เวิร์ดโผล่มาใหม่อีก 4 คำ ได้แก่
縦断的研究
横断的研究
母語干渉
過剰般化
縦断的研究 กับ横断的研究 เป็นวิธีการวิจัยรูปแบบหนึ่ง คนส่วนใหญ่นิยมแบบ横断的研究เพราะทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน
縦断的研究 คือ
การวิจัยโดยเลือกเป้าหมายเพียงไม่กี่เป้าหมาย
และติดตามศึกษาเป้าหมายนั้นในระยะเวลาที่ยาว เช่น
การศึกษาพัฒนาการทางการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยของนาย ก
(ตัวอย่างนี้ก็ต้องทำตั้งแต่นาย ก เข้าเรียนชั้นปี 1
และเก็บข้อมูลเรื่อยๆจนเรียนจบ) ซึ่งใช้เวลาในการทำมาก
แต่ผลวิจัยที่ได้จะมีความเที่ยงตรงและแม่นยำมากกว่า
横断的研究 คือ
การวิจัยโดยเลือกกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ทำวิจัยในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ไม่นานมาก
และนำผลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อหาข้อสรุป เช่น
พฤติกรรมการรับประทานอาหารของผู้สูงอายุในประเทศไทย
(อันนี้ก็จะเลือกจำนวนกลุ่มเป้าหมายว่าจะทำวิจัยกับคนจำนวนกี่คน กำหนดระยะเวลาเช่น
1 อาทิตย์ 1เดือน เป็นต้น จากนั้นก็เอาผลมาเฉลี่ยแล้ววิเคราะห์เพื่อสรุป)
เพราะใช้เวลาไม่นานเหมือนกับการวิจัยแบบข้างบน จึงนิยมทำมากกว่า
แต่มีข้อเสียคือผลวิจัยที่ได้อาจจะไม่มีความถูกต้องมากเท่าแบบบน
อันต่อมาคือ 母語干渉 แปลเป็นภาษาไทยคือ การแทรกแซงของภาษาแม่
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในผู้เรียนภาษาต่างประเทศ
สาเหตุมาจากการยึดติดกับภาษาแม่
ทำให้การเรียนภาษาที่สองและสามต้องมองในมุมมองของภาษาแม่ เช่น
การพูดขอบคุณของคนไทยกับภาษาญี่ปุ่น กล่าวคือ คนไทยนิยมพูดขอบคุณกันมาก เช่น
เวลาฝากงานให้อาจารย์ช่วยดู หรือขอให้อาจารย์ช่วยงานบางอย่าง
พออาจารย์ตอบตกลงว่าจะช่วย แต่ยังไม่ได้ทำจะพูดว่า ขอบคุณ
ในขณะที่คนญี่ปุ่นจะพูดว่า よろしくお願いします
ทำให้ผู้เรียนคนไทยนิยมพูด ありがとう ในบริบทนั้นมากกว่า
(กรณีที่อาจารย์ญี่ปุ่นเคยเล่าให้ฟังครับ) เป็นต้น
สุดท้ายคือ 過剰般化 (overgeneralization) คือการใช้มากเกินความจำเป็น ตัวอย่างเช่น
การผันกริยาเป็นテ形(連用形)ในผู้เรียนต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น ผู้สอนมักจะบอกว่า 書く เวลาลงท้ายด้วย く ต้องเปลี่ยนเป็น い แล้วเติม て ทำให้ผู้เรียนนำไปใช้กับคำทุกคำที่อยู่ในกฎเดียวกัน รวมถึง 行く ด้วย แทนที่จะเป็น 行って กลายเป็น 行いて (ตัวอย่างที่พี่คนหนึ่งยกมาในห้อง)
เป็นต้น
จากนั้นก็วกกลับมาที่เรื่อง
相槌 ต่อจากการบ้านที่ไปฟังมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หลายคนสรุปคล้ายๆกันว่า 相槌 นิยมใช้หลังประโยคที่มี ね、よ
หรือประโยคนั้นจบความแล้ว ไม่พูดมั่วซั่ว ทำให้ฟังดูแล้วรื่นหู ไม่น่ารำคาญเกินไป
และวันนี้อาจารย์ก็ได้ยก 相槌 ที่ไม่ดีขึ้นมา
คือ そう(なん)ですか、それはいいですね เหตุเพราะผู้พูดไม่สามารถหาเรื่องคุยต่อได้
เหมือนเป็นการตัดบทเลย ลองเทียบจากตัวอย่าง 1 ตัวอย่างนี้ดูครับ
Ex 1 Ex2
A : 昨日は新しい車、買ったんだ! A
: 昨日は新しい車、買ったんだ!
B : そうですか。 B
: へぇ?車?
อาจจะไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีเท่าไหร่
(เพราะคิดเองสดๆเลย555) แต่เมื่อลองเทียบกันจะเห็นได้ว่า Ex2 ผู้พูดสามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องรถต่อได้อีก
เช่น ใช่ รถสปอร์ตสีแดงด้วย อยากได้มานานแล้ว ฯลฯ ขณะที่ Ex1
ไม่มีจุดที่ให้พูดต่อได้
ในคาบสุดท้ายของการเรียนวิชานี้จะมีการพรีเซนต์งานด้วย
อาจารย์เลยเอาคลิปการพรีเซนต์มาให้ดู 2 คลิป คือ การพรีเซนต์ iPhone ของ สตีฟ
จ๊อบส์ กับการพรีเซนต์ (เรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว มันไม่น่าจดจำขนาดนั้น=w=)
ของคนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตัวอย่างการพรีเซนต์ที่ดี
https://www.youtube.com/watch?v=cVR7GK4ViUw
แล้วก็เข้าสู่กิจกรรมวันนี้ครับ เล่าเรื่องคล้ายๆของเดิม แต่เน้นเรื่องการใช้ 相槌แทนและเปลี่ยนเป็นเรื่อง 飛行機 กับ 秘密 ครับ คนที่เป็นผู้ฟังจะเป็นคนอัดเสียงเพื่อฟังว่าตัวเองใช้
相槌 อะไรไปบ้าง ผมเป็นคนฟังเรื่อง秘密 และเล่า 飛行機 ครับ (ผมอัดไว้แต่ 秘密 เพราะ 飛行機 เพื่อนเป็นคนอัดครับ เพราะฉะนั้นผมขอลงแค่ 秘密 นะครับ)
っと、このことはすごく面白いです。〈はい〉えっと、ええとー、ある女性はすごく美人ですが、実は、実は、彼女はええと、整形、整形手術を受けました。〈へー、整形?〉整形〈手術?〉はい、を受けました。〈うん〉はい、そこで、今、彼女はすごく綺麗です。〈へー〉はい、ええと、それに、彼女は、ええと、恋人、すごく、ええと、素敵で、〈うん〉格好いい彼氏がいます。〈うん〉はい、でも、ある日、ええと、その彼女は、ええと、彼氏に、ええと、前、ええと、整形手術を受ける前の写真を〈笑〉見られました。笑〈へー〉はい、そこで、彼女は、ええと、彼氏が、ええと、いや、私が嫌になるかと気にする。〈うん〉でも、ええと、意外に彼氏は「いいですよ」。「実は」、ええと、「僕も」。そして、〈笑〉こうする、ええと、髪を〈なんか、自分もウィッグってこと?〉はい、自分もウィッグをする、ええと、「実は僕も」こうする。〈笑い〉はい。笑。髪は全然ないです。〈笑〉、はい、これ、以上です。〈はい〉
ตรงที่คาดเหลืองไว้คือ
相槌 ที่ผมพูดครับ อาจจะมีแปลกๆบ้าง เช่น整形、整形手術を受けました。〈へー、整形?〉整形〈手術?〉はい、を受けました。ตอนพูดผมไม่รู้สึกว่ามันแปลกอะไร
แต่พอมาอ่านแล้วมันรู้สึกขัดมาก ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดแบบนี้ 5555
ถ้าตีความว่าคือการตรวจสอบความเข้าใจก็คงจะได้
แต่ดูบริบทแล้วผู้พูดไม่ได้อธิบายความหมายให้ฟังเลยไม่น่าใช่
หลักๆก็เป็น 相槌 ทั่วไปครับ มีหัวเราะด้วยจากคราวฟังวิทยุแล้วจัดว่าเป็น 相槌 เหมือนกัน อาจารย์บอกว่าคนญี่ปุ่นนิยมเปลี่ยนรูปสุภาพ ปกติตอนช่วงต้น
ผมก็มีนะ แต่ตอนท้ายก็มีด้วยนี่สิ แต่ก็พอโอเค เพราะทั้งเรื่องเป็นรูปปกติหมด
ยังดี
นอกจากนี้ก็มีการพูดแบบคาดการณ์
หรือบางคนอาจจะมองว่าคือการตรวจสอบความถูกต้องก็ได้ คือ ええと、髪を〈なんか、自分もウィッグってこと?〉はい、自分もウィッグをする
ผมจัดให้เป็นแบบคาดการณ์เพราะว่าเพื่อนยังพูดไม่จบประโยค ผมเลยเดาจากบริบทโดยรวม
แล้วลองพูดออกมา
พอมีสติกับการใช้
相槌 มากขึ้น ก็ใช้เยอะขึ้นครับ มีใช้แบบพื้นฐานทั่วไป เช่น へぇ、うん และมีใช้แบบคิดล่วงหน้าแทนผู้ฟัง เช่น ด้วย รู้สึกว่าตัวเองใช้ได้ดีขึ้น
และก็ใช้ตอนที่เพื่อนพูดจบประโยคหรือพูดแล้วหยุดคิดนาน
ถือว่าเป็นเรื่องดีที่พัฒนาขึ้น หลังจากนี้ก็อยากพัฒนาให้ใช้ 相槌 ได้คล่องๆ จะได้คุยกับคนญี่ปุ่นได้ดีๆซะที 5555
สำหรับวันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ครับ
ช่วงนี้ร้อนมากๆครับ รักษาสุขภาพกันด้วย อย่าให้หน้ามืดเป็นลมแดดล่ะครับ
Auf
wiedersehen!!!




