วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2560

21 มีนาคม 2560 + 相槌 (続編)

สวัสดีครับ ในวันอังคารที่ผ่านมาก็เรียนตามปกติ ในคาบนี้ได้เรียนเพิ่มเกี่ยวกับ 誤用 หรือการใช้ผิด สมัยก่อนผู้สอนนิยมสอนเพื่อไม่ให้ผู้เรียนทำผิด ใช้ผิดเลย สอนให้ระวังมากเสียจนผู้เรียนหลีกเลี่ยงการใช้ ต่อมามีคนกล่าวไว้ว่า การทำผิดบ่อยๆ แล้วย้อนกลับมาดูจะเป็นการเรียนรู้ และมีคนเห็นด้วย จึงเกิดศาสตร์เฉพาะทางขึ้นมาคือ 誤用分析 (error analysis) ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับการใช้ผิด ทำผิดโดยเฉพาะ
จากนั้นก็มีคีย์เวิร์ดโผล่มาใหม่อีก 4 คำ ได้แก่
縦断的研究
横断的研究
母語干渉
過剰般化

縦断的研究 กับ横断的研究 เป็นวิธีการวิจัยรูปแบบหนึ่ง คนส่วนใหญ่นิยมแบบ横断的研究เพราะทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน
縦断的研究 คือ การวิจัยโดยเลือกเป้าหมายเพียงไม่กี่เป้าหมาย และติดตามศึกษาเป้าหมายนั้นในระยะเวลาที่ยาว เช่น การศึกษาพัฒนาการทางการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยของนาย ก (ตัวอย่างนี้ก็ต้องทำตั้งแต่นาย ก เข้าเรียนชั้นปี 1 และเก็บข้อมูลเรื่อยๆจนเรียนจบ) ซึ่งใช้เวลาในการทำมาก แต่ผลวิจัยที่ได้จะมีความเที่ยงตรงและแม่นยำมากกว่า
横断的研究 คือ การวิจัยโดยเลือกกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ทำวิจัยในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ไม่นานมาก และนำผลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อหาข้อสรุป เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหารของผู้สูงอายุในประเทศไทย (อันนี้ก็จะเลือกจำนวนกลุ่มเป้าหมายว่าจะทำวิจัยกับคนจำนวนกี่คน กำหนดระยะเวลาเช่น 1 อาทิตย์ 1เดือน เป็นต้น จากนั้นก็เอาผลมาเฉลี่ยแล้ววิเคราะห์เพื่อสรุป) เพราะใช้เวลาไม่นานเหมือนกับการวิจัยแบบข้างบน จึงนิยมทำมากกว่า แต่มีข้อเสียคือผลวิจัยที่ได้อาจจะไม่มีความถูกต้องมากเท่าแบบบน
อันต่อมาคือ 母語干渉 แปลเป็นภาษาไทยคือ การแทรกแซงของภาษาแม่ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในผู้เรียนภาษาต่างประเทศ สาเหตุมาจากการยึดติดกับภาษาแม่ ทำให้การเรียนภาษาที่สองและสามต้องมองในมุมมองของภาษาแม่ เช่น การพูดขอบคุณของคนไทยกับภาษาญี่ปุ่น กล่าวคือ คนไทยนิยมพูดขอบคุณกันมาก เช่น เวลาฝากงานให้อาจารย์ช่วยดู หรือขอให้อาจารย์ช่วยงานบางอย่าง พออาจารย์ตอบตกลงว่าจะช่วย แต่ยังไม่ได้ทำจะพูดว่า ขอบคุณ ในขณะที่คนญี่ปุ่นจะพูดว่า よろしくお願いします ทำให้ผู้เรียนคนไทยนิยมพูด ありがとう ในบริบทนั้นมากกว่า (กรณีที่อาจารย์ญี่ปุ่นเคยเล่าให้ฟังครับ) เป็นต้น
สุดท้ายคือ 過剰般化 (overgeneralization) คือการใช้มากเกินความจำเป็น ตัวอย่างเช่น การผันกริยาเป็นテ形(連用形)ในผู้เรียนต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น ผู้สอนมักจะบอกว่า 書く เวลาลงท้ายด้วย ต้องเปลี่ยนเป็น แล้วเติม ทำให้ผู้เรียนนำไปใช้กับคำทุกคำที่อยู่ในกฎเดียวกัน รวมถึง 行く ด้วย แทนที่จะเป็น 行って กลายเป็น 行いて (ตัวอย่างที่พี่คนหนึ่งยกมาในห้อง) เป็นต้น
จากนั้นก็วกกลับมาที่เรื่อง 相槌 ต่อจากการบ้านที่ไปฟังมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หลายคนสรุปคล้ายๆกันว่า 相槌 นิยมใช้หลังประโยคที่มี ね、よ หรือประโยคนั้นจบความแล้ว ไม่พูดมั่วซั่ว ทำให้ฟังดูแล้วรื่นหู ไม่น่ารำคาญเกินไป และวันนี้อาจารย์ก็ได้ยก 相槌 ที่ไม่ดีขึ้นมา คือ そう(なん)ですか、それはいいですね เหตุเพราะผู้พูดไม่สามารถหาเรื่องคุยต่อได้ เหมือนเป็นการตัดบทเลย ลองเทียบจากตัวอย่าง 1 ตัวอย่างนี้ดูครับ

Ex 1                                                                                                        Ex2
A : 昨日は新しい車、買ったんだ!                                               A : 昨日は新しい車、買ったんだ!
B : そうですか。                                                                          B : へぇ?車?

อาจจะไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีเท่าไหร่ (เพราะคิดเองสดๆเลย555) แต่เมื่อลองเทียบกันจะเห็นได้ว่า Ex2 ผู้พูดสามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องรถต่อได้อีก เช่น ใช่ รถสปอร์ตสีแดงด้วย อยากได้มานานแล้ว ฯลฯ ขณะที่ Ex1 ไม่มีจุดที่ให้พูดต่อได้
                ในคาบสุดท้ายของการเรียนวิชานี้จะมีการพรีเซนต์งานด้วย อาจารย์เลยเอาคลิปการพรีเซนต์มาให้ดู 2 คลิป คือ การพรีเซนต์ iPhone ของ สตีฟ จ๊อบส์ กับการพรีเซนต์ (เรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว มันไม่น่าจดจำขนาดนั้น=w=) ของคนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตัวอย่างการพรีเซนต์ที่ดี
https://www.youtube.com/watch?v=cVR7GK4ViUw
                แล้วก็เข้าสู่กิจกรรมวันนี้ครับ  เล่าเรื่องคล้ายๆของเดิม แต่เน้นเรื่องการใช้ 相槌แทนและเปลี่ยนเป็นเรื่อง 飛行機 กับ 秘密 ครับ  คนที่เป็นผู้ฟังจะเป็นคนอัดเสียงเพื่อฟังว่าตัวเองใช้ 相槌 อะไรไปบ้าง ผมเป็นคนฟังเรื่อง秘密 และเล่า 飛行機 ครับ (ผมอัดไว้แต่ 秘密 เพราะ 飛行機 เพื่อนเป็นคนอัดครับ เพราะฉะนั้นผมขอลงแค่ 秘密 นะครับ)
 っと、このことはすごく面白いです。〈はい〉えっと、ええとー、ある女性はすごく美人ですが、実は、実は、彼女はええと、整形、整形手術を受けました。〈へー、整形?〉整形〈手術?〉はい、を受けました。〈うん〉はい、そこで、今、彼女はすごく綺麗です。〈へー〉はい、ええと、それに、彼女は、ええと、恋人、すごく、ええと、素敵で、〈うん〉格好いい彼氏がいます。〈うん〉はい、でも、ある日、ええと、その彼女は、ええと、彼氏に、ええと、前、ええと、整形手術を受ける前の写真を〈笑〉見られました。笑〈へー〉はい、そこで、彼女は、ええと、彼氏が、ええと、いや、私が嫌になるかと気にする。〈うん〉でも、ええと、意外に彼氏は「いいですよ」。「実は」、ええと、「僕も」。そして、〈笑〉こうする、ええと、髪を〈なんか、自分もウィッグってこと?〉はい、自分もウィッグをする、ええと、「実は僕も」こうする。〈笑い〉はい。笑。髪は全然ないです。〈笑〉、はい、これ、以上です。〈はい〉
                ตรงที่คาดเหลืองไว้คือ 相槌 ที่ผมพูดครับ อาจจะมีแปลกๆบ้าง เช่น整形、整形手術を受けました。〈へー、整形?〉整形〈手術?〉はい、を受けました。ตอนพูดผมไม่รู้สึกว่ามันแปลกอะไร แต่พอมาอ่านแล้วมันรู้สึกขัดมาก ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดแบบนี้ 5555 ถ้าตีความว่าคือการตรวจสอบความเข้าใจก็คงจะได้ แต่ดูบริบทแล้วผู้พูดไม่ได้อธิบายความหมายให้ฟังเลยไม่น่าใช่
                หลักๆก็เป็น 相槌 ทั่วไปครับ มีหัวเราะด้วยจากคราวฟังวิทยุแล้วจัดว่าเป็น 相槌 เหมือนกัน อาจารย์บอกว่าคนญี่ปุ่นนิยมเปลี่ยนรูปสุภาพ ปกติตอนช่วงต้น ผมก็มีนะ แต่ตอนท้ายก็มีด้วยนี่สิ แต่ก็พอโอเค เพราะทั้งเรื่องเป็นรูปปกติหมด ยังดี
           นอกจากนี้ก็มีการพูดแบบคาดการณ์ หรือบางคนอาจจะมองว่าคือการตรวจสอบความถูกต้องก็ได้ คือ ええと、髪を〈なんか、自分もウィッグってこと?〉はい、自分もウィッグをする ผมจัดให้เป็นแบบคาดการณ์เพราะว่าเพื่อนยังพูดไม่จบประโยค ผมเลยเดาจากบริบทโดยรวม แล้วลองพูดออกมา
                พอมีสติกับการใช้ 相槌 มากขึ้น ก็ใช้เยอะขึ้นครับ มีใช้แบบพื้นฐานทั่วไป เช่น へぇ、うん และมีใช้แบบคิดล่วงหน้าแทนผู้ฟัง เช่น ด้วย รู้สึกว่าตัวเองใช้ได้ดีขึ้น และก็ใช้ตอนที่เพื่อนพูดจบประโยคหรือพูดแล้วหยุดคิดนาน ถือว่าเป็นเรื่องดีที่พัฒนาขึ้น หลังจากนี้ก็อยากพัฒนาให้ใช้ 相槌 ได้คล่องๆ จะได้คุยกับคนญี่ปุ่นได้ดีๆซะที 5555
                สำหรับวันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ครับ ช่วงนี้ร้อนมากๆครับ รักษาสุขภาพกันด้วย อย่าให้หน้ามืดเป็นลมแดดล่ะครับ
Auf wiedersehen!!!

3 ความคิดเห็น:

  1. สรุปการเรียนในห้องเรียนไว้อย่างละเอียดเลย ขอบคุณมากค่ะ เห็นการใช้ あいづちที่มากขึ้นและหลากหลายขึ้น ฟังคนเล่ามากขึ้นจริงๆด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  2. เป็นบล็อกที่มีสาระตลอดเลย เรียนจบแล้วเราก็รออาร์ตมาสรุปในบล็อกอีกทีนี่แหละ (สารภาพบาป555) เก็บรายละเอียดครบมาก อย่างเรื่อง あいづち แบบตัดบทนี่ลืมไปเลย มาอ่านแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าเออมีเรื่องนี้ด้วยนี่นะ ありが㌧♪(・ω・)ノ

    ตอบลบ
  3. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ