วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

28 มีนาคม 2560

สวัสดีครับ วันนี้กลับมาต่อจากคราวที่แล้วเรื่อง Intake
คราวนี้เข้าสู่ส่วนของ Integrating (統合) ความหมายที่เราคุ้นกันก็คือ บูรณาการ ครับ  ในที่นี้น่าจะหมายถึง รวมกันคาดว่าน่าจะเอาทุกอย่างในขั้นตอนก่อนหน้าทั้ง Noticing และ Comparing มารวมกัน
ของ Integrating ก็แบ่งออกเป็น 3 คีย์เวิร์ดใหญ่ๆครับ คือ
仮説検証 (Hypothesis Testing) คือเราคิดว่าถูกและสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องโดยไม่ต้องเช็ค เช่น  การใช้คำช่วยกับคำกริยาที่มีการเคลื่อนที่เข้าไปต้องใช้ เป็นต้น
再構築 (Restructuring) คือ การพยายามสร้างความรู้ ทฤษฎีใหม่จากการรู้ว่าสิ่งเก่านั้นผิด เช่น ผู้เริ่มเรียนเข้าใจผิดว่า です คือ ครับ/ค่ะในภาษาไทย แต่ในความเป็นจริงความหมายเหมือนกัน Verb to be ในภาษาอังกฤษ เป็นต้น
自動化 (automatization) คือการใช้งานสิ่งนั้นได้โดยไม่ต้องเตรียม ไม่ต้องคิดล่วงหน้า สามารถทำได้ทันที เช่น พูดคำว่าต้องด้วย なければならない ในหมู่คนเรียนภาษาญี่ปุ่นที่เรียนขั้นสูงแล้ว
ต่อมาอาจารย์ก็ยกเรื่อง 談話展開 ขึ้นมา แล้วถามว่า 談話 คืออะไร ทุกคนในเอกญี่ปุ่นที่นี่น่าจะคุ้นหูกันทุกคนกับคำๆนี้ ผมก็จำได้ว่าเคยเรียนแต่ผมนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร จนกระทั่งทุกคนในห้องเริ่มค่อยๆระลึกได้ว่ามันคืออะไร พอมีคนพูดถึงบทบรรยายลักษณะของตัวละครในแฮรี่ พอตเตอร์ ผมก็นึกได้รางๆว่ามันคือ ใจความในตอนนั้นที่อ่านเรื่องแฮรี่ มีบรรยายตัวเอก แฮรี่ พอตเตอร์ รอน วิสลีย์ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ และตัวละครอื่นๆ ซึ่งบทบรรยายลักษณะตัวละครแต่ละตัวจะนับเป็น 1 談話 แต่ในห้องไม่ได้ตอบไปว่าคืออะไร เพราะนึกออกแค่รางๆเลยไม่มั่นใจว่าถูกมั้ย ก็ยังงงอยู่อย่างนั้น
เลยลองค้นหาดูใน Weblio dictionary ครับ เขาเขียนไว้ตามนี้
だん  0 【談話】
 スル
はなしをすること。くつろいで会話を交わすこと。 友人と-する」
ある事柄についての非公式意見 首相の-」
〘言〙 discourse より大きい言語単位で,あるまとまりをもって展開した文の集合。話されたもの,書かれたものの両者を含む。テクスト
ลองสังเกตข้อความที่ผมไฮไลท์สีเหลืองนะครับ ได้ความว่า หน่วยทางภาษาที่ใหญ่กว่าประโยค เป็นการรวมกันของประโยคหลายๆประโยค
ไม่รู้ผมแปลถูกหรือเปล่า ถ้าผิดก็ต้องขออภัยครับ แต่ถ้าเป็นตามที่ผมเข้าใจ พูดง่ายๆก็คือ ใจความ นั่นแหละครับ ในหนึ่ง 談話 ต้องเป็นเรื่องเพียงเรื่องเดียว ไม่มีพูด เขียนนอกเหนือจากเรื่องๆนั้น ถ้ามีส่วนไหนไม่ใช่จะนับเป็นอีก 談話 ครับ
กลับมาที่ 談話展開 การนำพาเรื่อง อาจารย์พูดถึงการเล่าเรื่องให้มีความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้น โดยให้ดู 2 ประโยคครับ คือ
親は怒った。そして、子供をしかった。
 怒った親は子供をしかった
แล้วก็ให้ทายว่าอันไหนคือแบบที่คนญี่ปุ่นนิยมใช้ครับ อันที่คนญี่ปุ่นใช้กันมากคืออันล่างครับ ส่วนผมใช้อันบนเพราะมันง่าย ไม่ซับซ้อน
แล้อาจารย์ก็ให้ดูตัวอย่างเพิ่มเติม สรุปได้ว่า คนญี่ปุ่นนิยมเล่าเรื่องแบบใช้คำขยายหน้าคำนาม และใช้ こ・そ・あ มาช่วยในการขยายบ่อย ขณะที่คนต่างชาตินิยมใช้ そして มาช่วยเชื่อมประโยคแบบง่ายๆเช่นตัวอย่างบน
สิ่งที่เรียนไปวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ครับ และที่ผมสัญญาไว้ในครั้งที่แล้วว่าจะเอางานบรรยายมาให้ทุกคนดู อยู่ข้างล่างนี้ครับ เชิญชมได้ครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่

          真夏のある日の真夜中、一人で道を歩いていたら、向こうから何かが出ているような黒い影が見えました。近寄って見ると、血の匂いが漂って、黒い影から「死んでしまえ」という声が聞こえて、足下まで血がゆっくり流れてきました。お化けだと思って、お化けがいない方向に逃げていきました。振り向くと、黒い影がさっきより2030人ぐらい増えて、追いかけてきました。次々に数が多くなって、ヤバイと思いました。10分ぐらい走ってきて、古い家を見つけました。そこで休みながら身を隠そうと思って、こっそり入りました。ドアを開けたとたん、黒い糸のようなものが動いているところを見て、床に転ぶくらいびっくりして、全力で逃げていきました。そこもお化けの家だと分かりました20分ぐらい走って、野原まで行ってきてしまいました。そこの中心に友達が5人見えました。一人はお化けを野原の中心まで誘導して、四人は野原のそれぞれの角から火を起こして、お化けを焼き尽くすつもりでした。どうやらお化けをやっつけてくれたようです。
ที่ผมทำตัวแดงเอาไว้คือรู้สึกว่าควรจะอธิบายเพิ่มอีก ตอนผมเขียนผมไม่ได้คิดอะไร แต่พอลองมาอ่านเองแล้ว รู้สึกว่าควรเพิ่มรายละเอียดอย่างตรง お化けだと思って น่าจะบอกเหตุผลว่าทำไมถึงคิดว่าเป็นผี
方向 น่าจะบอกทิศทางก่อนว่า ทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตกด้วย น่าจะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น
さっきより2030人ぐらい増えて ถ้าดูตามหลักความจริงแบบพวกหนังผี ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงเพิ่ม แต่ถ้าเป็นการบรรยายคิดว่าควรเพิ่มเหตุผลที่เพิ่มจำนวนลงไปด้วย
古い家 บ้านเก่าก็พอเข้าใจว่าเก่า แต่น่าจะเพิ่มรายละเอียดให้มากกว่านี้ เช่น 木造の古い家 เป็นต้น
動いている ขยับยังไง เช่น แกว่งไปมา ค่อยๆเลื้อยออกมา
そこもお化けの家だと分かりました เพิ่มรายละเอียดที่ดูเป็นบ้านผีให้มากขึ้น เพราะแค่มีเส้นดำๆขยับได้อาจจะแค่หยากไย่ที่โดนลมก็ได้
友達が5人見えました เพื่อน 5 คนที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ทีแรกรู้สึกว่าโอเคแล้ว แต่พอเห็นของณัฐธิดาที่เล่าแบบเห็นตัวละครเพื่อนตั้งแต่ต้นแล้ว รู้สึกว่าควรจะบอกที่มาที่ไปของ 5 คนนี้สักหน่อย
อันนี้คือที่ผมคิดว่าควรแก้ไขครับ แล้วก็อาจารย์คอมเม้นต์เพิ่มว่าตรงช่วงท้ายถ้าอธิบายละเอียดกว่านี้หน่อยน่าจะดี พอผมกลับมาอ่านของตัวเองอีกรอบ ผมก็คิดว่าควรเพิ่มครับ มันสั้นมากจริงๆ จะว่าเห็นภาพก็เห็นนะครับ แต่เห็นแค่ภาพรวม ไม่ได้เห็นถึงรายละเอียดเท่าที่ควร


ข้อเสียที่ผมคิดว่าควรปรับแก้ ผมก็ลองใส่ลงไปในงานชิ้นใหม่ซึ่งรอตรวจอยู่ครับ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง แต่รู้สึกว่าตัวไหนดีกว่าตัวนี้เยอะเลยครับ ไว้ครั้งหน้าจะเอามาให้อ่านกันนะครับ สำหรับวันนี้ผมขอจบเพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ไว้ผมกันใหม่

วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

21 มีนาคม 2560

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะกลับมาเล่าย้อนหลังถึงวิชาเรียน APP JP LING ต่อ เนื่องจากช่วงนี้งานยุ่งมากครับ ทั้งงานในและนอกมหาลัย

ก่อนอื่นก็เรียนเนื้อหาในห้องตามปกติครับ เนื้อหายังอยู่ในเรื่อง Intake เช่นเดิม

คราวนี้มีคีย์เวิร์ดใหม่ 4 คำครับ คือ

Implicit Knowledge (暗示的知識)
 ความรู้ที่รู้ ตระหนักได้ด้วยตัวเอง มักจะเป็นผลจากการอธิบายแบบยกตัวอย่าง ยกสถานการณ์แล้วผู้เรียนสามารถเข้าใจได้เอง

Explicit Knowledge (明示的知識)
การอธิบายบอกความหมาย วิธีการใช้งานตรงๆไปเลย เช่น คำอธิบายไวยากรณ์ตามหนังสือเรียน

ต่อมาก็พูดถึง IL System หรือ Interlanguage (中間言語) IL นี้คือภาษาที่เกิดขึ้นในผู้เรียนภาษาอื่นเป็นภาษาที่สอง เช่น ตัวเองเป็นคนไทย ไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ภาษาที่เกิดขึ้นระหว่างเรียนนั้นก็คือ IL ซึ่งตัวภาษาดังกล่าว พูดแบบชาวบ้านหน่อยก็คงเป็น ภาษาต่างด้าวคือเราพยายามพูดภาษานั้น แต่ยังไม่ได้ใช้ได้อย่างคนที่เป็นเจ้าของภาษา ยังมีใช้ผิดหรือใช้แล้วแปลกๆ ถ้าเขียนให้ดูง่ายขึ้นก็จะเป็นตามนี้

ภาษาแม่ à IL à ภาษาที่สอง

ในการทำให้ความรู้แบบ  Implicit และ Explicit มีประสิทธิภาพ และใช้ภาษาได้ใกล้เคียงภาษาที่สองมากที่สุด จำเป็นต้องมีการทบทวน ทำซ้ำ ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดสุดท้ายของวันนี้คือ Rehearsal หรือง่ายๆก็  Repetition ครับ การทำซ้ำๆหลายๆรอบจะทำให้เกิดความเคยชินจนสุดท้ายจะกลายเป็นทักษะติดตัวเราไป มักเกิดขึ้นง่ายมากกับการเรียนภาษาในผู้เริ่มต้นครับ เช่น ที่อาจารย์ยกมา なければならない ตอนเริ่มเรียนผู้เรียนจะรู้สึกว่ามันยาวมาก แต่พอเรียนไปเรื่อยๆก็จะจำได้ พูดได้ปร๋อขึ้นมาทันที (เจอกับตัวเองครับ คนเรียนญี่ปุ่นใหม่ไม่ต้องกลัวว่ามันยากครับ เดี๋ยวก็ชิน555)

ใน Rehearsal นี้ก็แยกย่อยอีกเป็น 2 วิธีการคือ

Elaborative Rehearsal (精緻化リハーサ)
คือการทำซ้ำโดยให้สร้างความเชื่อมโยงระหว่างแต่ละสิ่งที่เรียนไป หรือเพิ่มข้อมูล วิธีการนี้ทำให้ความรู้แบบ Explicit ดีขึ้น เพราะเราแค่ฟังคำอธิบายมา ถ้าย้อนไปในคราวก่อนๆ เราแค่ 学習 เฉยๆ ยังไม่ได้ 習得 ความรู้เหล่านั้นมา การเอาความรู้ที่ได้มาสร้างความเชื่อมโยง ช่วยสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น ทำให้เราใช้ได้ตามที่ตัวเองเข้าใจ ไม่ได้ใช้ตามคำอธิบายนั้น

Maintenance Rehearsal (維持リハーサ)
คือการให้ทำซ้ำโดยฝึกออกเสียงหรือท่องบ่อยๆ มีผลดีกับความรู้แบบ Implicit เพราะเราเข้าใจอยู่แล้ว ดังนั้นการฝึกใช้บ่อยๆจึงช่วยทำให้จำได้ดีขึ้น

เนื้อหาที่เรียนไปทั้งหมดในวันนั้นมีประมาณนี้ครับ หลังจากนั้นก็เข้าสู่กิจกรรมที่สนุกสนานของทุกคนXD


วันนี้อาจารย์แจกกระดาษที่มีเรื่องของเด็กคนนึงเล่าเรื่องผีแต่ไม่มีพลังในการบรรยายเลย จึงอยากให้เราช่วยแต่งเรื่องให้ดีขึ้น ตอนผมเขียนหัวผมไม่แล่นเลยแม้แต่นิด เลยเขียนเรื่องได้สั้นมากๆ ไว้เล่าเรื่องกิจกรรมครั้งหน้าผมจะเอาที่ผมเขียนมาให้ทุกคนดูครับ อนนี้ขอให้รอไปก่อน แต่อาจจะไม่คุ้มค่าที่รอก็ได้นะครับ TT
สำหรับวันนี้อาจจะสั้นกว่าปกติไปเยอะ ต้องขอโทษจริงๆครับ เนื่องด้วยงานที่กองเท่าภูเขาและมีทีท่าจะเข้ามาเรื่อยๆจนจะโดนทับตายอยู่แล้ว วันนี้ขอลาไปเพียงแค่นี้ครับ ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้าครับ สวัสดีครับ

วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

7 มีนาคม 2560 ความจำและการใช้งาน

 สวัสดีครับ หลังจากห่างจากเรื่องกิจกรรมในห้องเรียนมาสักพัก วันนี้ผมจะกลับมาเล่ากิจกรรมในคาบวันอังคารที่ผ่านมาครับ

 วันนี้ทวนเรื่อง Input กับ Output จากคาบก่อนหน้า และก็ได้คำว่า Intake มาเพิ่มครับ ตามความหมายภาษาอังกฤษจากพจนานุกรมของ Cambridge เขียนไว้ว่า 

"an act of taking in something, especially breathing"

 สำหรับในเรื่องนี้ Intake คือการดูดซึม รับเอาความรู้เข้าไปโดยต้องรู้และเข้าใจสิ่งๆนั้นด้วยครับ ใน Intake นี้ก็มีพูดถึงเรื่อง Shor-term memory กับ Long-term memory ด้วย
 Short-term memory คือความจำระยะสั้น ใช้บ่อยมากเวลาต้องทำอะไร ณ ตอนนั้น เช่น พรุ่งนี้จะสอบต้องอ่านหนังสือวันนั้นและจำให้ได้ทั้งหมด คิดว่าทุกคนก็คงเป็นเหมือนกัน 555 
 ถ้าเราทำอะไรบางอย่างซ้ำกันบ่อยมากๆ ก็จะกลายเป็น Long-term memory ครับ อย่างที่ทุกคนสังเกตได้ เด็กแรกเกิดที่ยังเดินไม่ได้ พอทำซ้ำๆไปเรื่อยๆ เด็กก็เดินได้เองโดยไม่ต้องมีใครมาคอยดู แต่สำหรับบางเรื่องอาจจะยากหน่อย สำหรับผมก็คงเป็นเรื่องอ่านหนังสือ ผมเคยได้ยินมาว่าการทวนหลังเรียนเสร็จจะช่วยให้จำง่ายขึ้น ยิ่งทวนหลายรอบจะจำได้นานขึ้น แต่เท่าที่ลองดูแล้วผลไม่ต่างกันเลยครับ น่าเศร้าเหลือเกิน T^T

 ต่อจากนั้นก็ไปที่เรื่อง The Truth of Magic Number 7 ของ George A. Miller เขากล่าวว่าอะไรที่มี 7 อย่างทำให้จำได้ง่าย แต่ Nelson Cowan โต้บอกว่าแค่ 4 นะ ไม่ถึง 7 (https://philpapers.org/rec/COWTMN)
 ส่วนผม แค่ 3 ก็เยอะแล้วครับ 5555 แต่มีอันนึงที่จำได้ถึง 10 เพลงเด็กเอ๋ยเด็กดีไงครับ คิดว่าหลายๆคนน่าจะร้องกันได้ครับ 55555


 นอกจากนี้อาจารย์ยังเสริมอีกว่า ถ้าจำเป็น chunk จะทำให้จำง่ายขึ้นด้วย chunk คือการจำแบบเป็นกลุ่มก้อน เช่น เบอร์โทรศัพท์ 028421369 มาเป็นแพแบบนี้กว่าจะจำได้ก็คงใช้เวลาพอสมควร แต่ถ้าแบ่งเป็น chunk ล่ะ จะเป็นยังไง 
 พอแบ่งเป็น chunk เบอร์โทรศัพท์แบบที่คนไทยนิยมแบ่งก็จะได้ตามนี้ครับ 02-842-1369 (มี 3 chunk จำนวนเลขในแต่ละ chunk บวกลบ 3) พอจำเป็นกลุ่มแบบนี้ทำให้ช่วยจำได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ ผมว่าวิธีนี้ไปได้สวยเทียบกับข้างบน

 เอาล่ะ มาถึงกิจกรรมของวันนี้กันแล้ว วันนี้ผมกับเพื่อนในห้องได้ทำ Story telling ครับ อาจารย์ให้นั่งเป็นคู่หันหน้าเข้าหากัน คนนึงจะหันหลังให้จอโปรเจ็คเตอร์ จากนั้นอาจารย์ก็เปิดภาพการ์ตูน 4 ช่องให้ดูครับ คนที่หันหน้าเข้าหาจอจะต้องเล่าเรื่องจากภาพให้คนที่หันหลังในจอฟัง โดยใช้ภาษาญี่ปุ่น!!! รอบแรกผมเป็นคนหันหลังให้จอครับ ดังนั้นผมเป็นผู้ฟังก่อน ตอนอาจารย์เปิดภาพให้เพื่อนดู หลายๆคนพูดกันว่าไม่เข้าใจ อาจารย์เลยต้องไปกระซิบอธิบายว่ามันคืออะไร ผมก็อยากรู้นะครับ แต่ไม่อยากหันไป5555 รูปที่เพื่อนได้ดูคือรูปนี้ครับ


 สรุปแล้วเพื่อนเล่าแนวว่า มีผู้ชาย 2 คนนั่งอยู่ที่โซฟาในล็อบบี้โรงแรม คนนึงอ่านหนังสือพิมพ์ อีกคนนั่งเฉยๆ คนที่นั่งเฉยๆก็มองไปทางชายชาวต่างชาติที่กำลังดูแผนที่อยู่ สักพักชายชาวต่างชาติก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตากัน ชายชาวต่างชาติมีทีท่าว่าจะเดินเข้ามาถามทาง ชายที่นั่งเฉยๆก็กลัว เลยเข้าไปหลบหลังหนังสือพิมพ์ของคนข้างๆ 
 จากนั้นก็เป็นตาผมเล่าบ้างครับ ผมได้ภาพนี้ครับ


 ตอนเห็นครั้งแรกนี่งงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ ดูเหมือนทุกคนก็จะอยู่ในสภาพแบบเดียวกัน จนสุดท้ายทุกคนที่เป็นคนเล่าต้องออกไปนอกห้องให้พี่ที่พอเข้าใจกับอาจารย์อธิบายให้ฟังครับ จากนั้นก็กลับมานั่งที่แล้วก็เริ่มเล่าครับ ผมอัดเสียงตอนเล่าเอาไว้ ถอดออกมาได้ความว่า

 まずはキャラクターが二人で、犬が一匹います。そして、赤ちゃんが犬に乗りたいと思って、犬に這って、近づこうと思ったんだけど...今、犬は寝ている。でも、その赤ちゃんが近づくと、その犬が起きてしまったので、顔があって、子どもがちょっとびっくりして、でも、犬に乗りたいから、犬の後ろに行くと決めた。でも、その犬は逆方向に向いて、そして、子どもが後ろだと思った方向に向かって、その子どもが犬の後ろのはずのところが着いたら、その前にあったのは犬の顔です。

 พอลองถอดออกมาแล้วก็พบว่าต้องแก้เยอะมาก โดยเฉพาะคำช่วย ส่วนแรกที่อธิบายตัวละครก็อธิบายไปแค่สุนัข ไม่ได้พูดถึงเด็ก เลยคิดว่าไม่ดีเท่าไหร่ ตอนเล่าสิ่งที่รู้สึกว่ายากที่สุดคือคำศัพท์ เพราะมีหลายคำที่ไม่คุ้น อย่างเช่น คลาน อ้อม เจอหน้ากัน และมีอีกหลายคำที่นึกไม่ออกเลย เช่น ข้างหลังสุนัข (ด้านหางสุนัข)

 เสร็จแล้วอาจารย์ก็แจกชีทตัวอย่างการเล่าเรื่องตาม 2 ภาพที่ได้ดูไปครับ ที่เห็นใช้เยอะสุดคือคำเลียนเสียงครับ ผมคิดว่าพอใช้แล้วเห็นภาพมากขึ้น แต่ประเด็นคือผมใช้ไม่เป็น =w= แล้วก็เจอพวกคำที่ผมพูดไปก่อนหน้า เช่น はいはい ที่ใช้กับการคลานของเด็ก 顔を合わせる、忍び寄る พอได้อ่านแล้วก็คิดในใจว่า ทำไมคำนี้เรานึกไม่ออก ไม่ก็ คำนี่ไม่คุ้นเลย เหมือนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆกับความไม่ฉลาดของตัวเอง 55555

 แล้วอาจารย์ก็ให้เล่าใหม่อีกรอบครับ แต่คราวนี้สลับกัน คนที่เล่าเรื่องเด็กให้ไปเล่าเรื่องที่มีคนต่างชาติ คนที่เล่าเรื่องที่มีคนต่างชาติให้มาเล่าเรื่องเด็ก ก่อนหน้าที่จะเล่าอาจารย์ก็ให้ดูชีทที่แจกมาให้ดีครับ แล้วก็เอาไปใช้ประโยชน์ (ไม่ใช่จำทั้งหมดนะครับXD)
 รอบนี้อัดเสียงอีกเช่นกัน ถอดได้ความว่า

 外国の話をしたいと思います。あるホテルのロビーにソファーがあります。そして、ソファーに男の人が二人座っています。一人は新聞紙を広げて呼んでいる男の人で、もう一人はただくつろいでいる男です。そして、くつろいでいる男が柱のところ外国人っぽい感じのおじさんが経っていて、そのおじさんがカメラを持っていて、地図を見ています。そして、くつろいでいる男はおじさんをじっと見ていると、外国人のおじさんの目と合って、おじさんがちょっと笑顔をして、くつろいでいる男は「え、ヤバイ!近づいて道を聞くかも」って思ってしまって、おじさんがどんどん近づいて、くつろいでいる男はくよくよしていて、英語がうまく話せないから、ここから逃げたいという気持ちで、隣の新聞を読んでいる男の人の間に突っ込んで新聞の後ろを隠れています。その外国人がそれを見ると、びっくりしました。

 รอบใหม่นี้เล่าได้ยาวขึ้นเยอะเลย แน่นอนว่าก็ยังผิดไวยากรณ์เหมือนเดิมครับ =w= แต่มีใช้คำจากในชีทตัวอย่างเพิ่มขึ้น (ใช้ Short-term memory จำครับ 5555) แล้วก็ใส่คำเลียนเสียงเข้าไปนิดนึง ผมคิดว่าเนื้อเรื่องดูมีสีสันมากกว่าอันก่อนครับ แต่สื่อความได้ถูกต้องมั้ยนี่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ 5555

 หลังจากได้ฝึกเล่าเรื่องแล้ว ก็รู้จุดสำคัญที่ควรใช้เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ หลักๆเช่นการอธิบายเหตุการณ์ มีตัวละครอะไรบ้าง กำลังทำอะไร ใส่ความคิด ความรู้สึกตัวละครเข้าไป และเพื่อเพิ่มอรรถรสของเรื่องการเลือกคำก็มีความสำคัญ อันที่มีผลอย่างมากคือคำเลียนเสียงครับ เพราะมันทำให้เห็นภาพค่อนข้างชัดทีเดียว

 สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจอ่านนะครับ มีผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น รอลุ้นกันนะครับ สวัสดีครับ

วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560

แนะนำมหาลัยลงโฮมเพจ

 สวัสดีครับ วันนี้กลับมาเรื่องงานอีกเช่นเคย ทำงานช้าไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยครับ
วันนี้จะเอางานเกี่ยวกับการเขียนแนะนำมหาลัยเป็นภาษาญี่ปุ่นมาดูกันว่าพัฒนาไปแค่ไหนกันครับ

 ตอนแรกอาจารย์ให้เขียนเป็นภาษาไทยมาก่อน ตอนแรกผมเอาเรื่องเกี่ยวกับร้านค้าเป็นจุดหลักครับ ได้ประมาณนี้ครับ

ประเด็น                                   แหล่งซื้อของ
จุดขายที่จะนำเสนอ              ร้านค้ามีจำนวนมาก ขายของหลากหลายเมื่อเทียบกับม.อื่น
ข้อมูลที่คิดว่าจะใช้ได้
ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองโดยมีห้างสรรพสินค้าล้อมรอบ เช่น สยามพารากอน สยามดิสคัฟเวอร์รี่ เอมบีเค เซ็นทรัลเวิลด์ ฯลฯ
มีร้านค้าต่างๆมากมายกระจายตัวอยู่รอบๆมหาวิทยาลัย ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านขายของจิปาถะ ฯลฯ  
ซื้อของที่ต้องการใช้ได้ยามฉุกเฉินโดยไม่ต้องเดินทางไปไกล ทำให้สะดวกในการทำงาน
ของขายหลากหลายมีตั้งแต่ของราคาถูกคุณภาพต่ำไปจนถึงของแบรนด์เนมคุณภาพดีราคาแพง ผู้ซื้อเลือกซื้อของที่เหมาะความชอบตัวเองได้

 แล้วก็เอามาเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นภายใน 400 ตัวอักษรครับ

チュラーロンコーン大学はバンコクの中心に設立されており、サイアム・パラゴン、エム・ビー・ケー、セントラル・ワールドなどのデパートに囲まれています。そのため、観光客が多く集まり、有名な今耕地となっています。加えて、服の店やレストランなども多く設立されているので、外交的で買い物が好きな方にぴったりで、充実な日に過ごすことができます。大学生でもためになります。なぜなら、勉強のために文房具やプレゼンテーション用の道具などを忘れたり、壊したりしましたが、すぐに使いたいとしたら、遠いところまで行かずに、大学の近くで買いに行くことができます。試験が終わった後の祝いなどもこちらにもでき、便利です。それに、低度な品質を持っている安いものから高度な品質を持っている高いものまで大学の周りに販売されているので、どなたでも目的によって使うものを探し、その楽しさを味わうことが出来ます。

 รอบแรกนี้อาจารย์ให้แลกกับเพื่อนในห้องตรวจครับ ผลปรากฎว่าทั้งกระดาษมีแต่รอยแก้ (ปากกาสีชมพูเต็มหน้าเลยครับ 55555) รอบนี้ที่เพื่อนแก้มาให้มีทั้งเรื่องคำและปัญหาครับ
 เริ่มจากคำกันก่อน
外交的 อันนี้ดูไม่เข้ากับบริบท
充実 หลังจากลองใช้ อาจารย์บอกว่ามีใช้แต่ 充実した...ครับ และก็ได้ตัวอย่างของเพื่อนมาดู
なぜなら ต้องใช้คู่กับ から หรือ のだ เป็นคำที่มาด้วยกันครับ
祝い ตรงนี้เพื่อนบอกว่าควรใช้ 打ち明け ไม่ก็ パーティー จะดีกว่า
楽しさ อันนี้เพื่อนวงมาเพราะมันกำกวม ความสนุกของอะไร

ส่วนปัญหาก็คือเรื่องหลุดหัวข้อครับ ตอนแรกคือเจาะประเด็นที่ไปแหล่งร้านค้า เลยกลายเป็นว่าหลุดหัวข้อใหญ่ที่ให้แนะนำมหาลัยไป แล้วเขาก็ชี้โพรงให้เราก็คือ 便利 แต่ในบทความยังกำกวมอยู่ แล้วก็คำบรรยายไม่จำเป็นเยอะเกินไป
ตกใจนิดนึงที่เห็นตัวชมพูเต็มหน้ากระดาษ แถมตัวใหญ่ซะด้วย รู้สึกผิดขึ้นมาเลยทีเดียวครับ 5555

พอแก้รอบ 2 เสร็จ รอบนี้ให้อาจารย์ช่วยตรวจครับ ผมแก้จากอันแรกเป็นแบบนี้ครับ คราวนี้เพิ่มหัวข้อลงไปด้วย
コンビ二・チュラーロンコーン

チュラーロンコーン大学はバンコクの中心に設立されており、様々な施設に囲まれており、サイアム・パラゴンやエム・ビー・ケー、サムヤン市場などです。加えて、服の店やレストランなども多く設立されているので、買い物が好きな方にぴったりで、充実した日に過ごすことができます。大学生でもためになります。なぜなら、勉強のために文房具やプレゼンテーション用の道具などを忘れたり、壊したりしましたが、すぐに使いたいとしたら、遠いところまで行かずに、大学の近くで買いに行くことができます。試験が終わった後の祝いなどもこちらにもでき、便利です。また、低度な品質を持っている安いものから高度な品質を持っている高いものまで大学の周りに販売されているので、どなたでも目的によって使うものを探し、その楽しさを味わうことが出来ます。このように、チュラーロンコーン大学が繁華街の中心に位置しており、どんなときでも、様々なことが出来、便利さが実感できます。

หลังจากอาจารย์เช็คแล้วอาจารย์ก็คอมเมนต์มาครับ อย่างแรกคือ コンビ二 ตอนแรกผมอยากเล่นคำกับคำว่า コンビ二 ที่แปลว่าร้านสะดวกซื้อ ในที่นี้ต้องการสื่อว่าสะดวกมาก แต่อาจารย์บอกว่า コンビ二ในความหมายของคนญี่ปุ่นจะหมายถึงร้านสะดวกซื้อเลย
อย่างที่สองคือชื่อห้างครับ บทความอันนี้คือบทความที่จะให้คนญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นอาจจะมีคนไม่รู้จักด้วย การเขียนมาแต่ชื่อเขาอาจจะงงว่ามันคืออะไร
สุดท้ายคือประโยคยาวๆครับ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเลย ค่อนไปทางแนวธุรกิจด้วยซ้ำ

หลังจากได้คอมเมนต์อาจารย์มาแล้ว ก็เอาไปแก้รอบที่ 3 ครับ

コンビニエンス・チュラーロンコーン
チュラーロンコーン大学はバンコクの中心に設立されており、様々な施設に囲まれており、便利です。例えば、BTSのサイアム駅に近いサイアム・パラゴンという大きなデパートやチュラーロンコーン大学の左にあるサムヤンという市場などです。加えて、服の店やレストランなども多く建造されているので、買い物が好きな方にぴったりであり、充実した日に過ごすことができます。大学生でもためになります。なぜなら、勉強のために文房具やプレゼンテーション用の道具などを忘れたり、壊したりしましたが、すぐに使いたいとしたら、遠いところまで行かずに、大学の近くで買いに行くことができるからです。試験が終わった後の打ち明けなどもこちらにもでき、便利です。このように、チュラーロンコーン大学が繁華街の中心に位置しており、どんなときでも、様々なことが出来、便利さ実感できます。

รอบนี้เปลี่ยนเป็นตามข้างบนครับ อาจารย์ดูก็โอเคขึ้น แต่ผมสงสัยคำว่า ぴったり มันเหมาะไหม อาจารย์ก็บอกว่าใช้ได้ แต่คนญี่ปุ่นอาจจะรู้สึกแปลกนิดนึงเรื่องระดับคำ อาจารย์เลยแนะนำคำว่า おすすめ มาครับ แต่มันออกไปทางแนะนำมากกว่าที่ผมต้องการสื่อว่า เหมาะ
รอบนี้โดยรวมก็ดีขึ้นเยอะแล้ว (ก็แก้มาหลายรอบแล้วนี่นะ=w=) ผมเลยลองเอาลง lang-8 ให้คนญี่ปุ่นคนอื่นช่วยดูครับว่ามีจุดไหนที่อ่านแล้วแปลกๆไหม ทั้งด้านเนื้อหาและคำศัพท์

コンビニエンス・チュラーロンコー
 チュラーロンコーン大学はバンコクの中心に設立されており、様々な施設に囲まれており、便利です。例えば、BTSのサイアム駅に近いサイアム・パラゴンという大きなデパートやチュラーロンコーン大学のにあるサムヤンという市場などです加えて、服の店やレストランなども多く建造建設されているので、買い物が好きな方にぴったりであり、充実した日過ごすことができます大学生でもためになりますなぜなら、勉強のために文房具やプレゼンテーション用の道具などを忘れたり、壊したりしましたが壊れた(故障した)時、すぐに使いたいとしたら、遠いところまで行かずに、大学の近くで買いに行くことができるからです試験が終わった後の打ち明けなどもこちらにもでき、便利です。試験が終わった後の打ち明け打ち上げなどもこちらにもでき、便利です。このように、チュラーロンコーン大学が繁華街の中心に位置しており、どんなときでも、様々なことが出来、便利さ実感できます

ผมลงไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว มีคนแก้คนเดียวเองครับ เสียดายที่ไม่ค่อยมีคนแก้ให้ แต่คนที่มาแก้ให้ก็แก้ให้ดีครับ มีแนะนำให้ด้วย
เริ่มจาก คุณ reecology แก้ให้ผม บอกว่าในการเขียนบอกตำแหน่งที่ตั้งไม่นิยมใช้ ซ้าย ขวา แต่นิยมการบอกทิศทางแทน เขาเลยยกคำว่า 西 มาให้แทนครับ เป็นความรู้ใหม่เลยทีเดียว อาจจะเพราะผมไม่เคยเขียนแนะนำสถานที่ บอกตำแหน่งแบบทางการด้วย
ต่อมาคือ 建造ผมเคยได้ยินมาจากเกมเกี่ยวกับเรือรบเลยลองเอามาใช้ดู แต่เขาบอกว่า 建造 มักไม่ใช้รูปถูกกระทำ เลยให้เป็น 建設 มาแทนครับ พอลองค้นในกูเกิ้ลดู สิ่งที่ขึ้นมาอย่างแรกก็คือเรือครับ 5555 หลังจากนั้นมักจะเป็น 建造... มากกว่าครับ ไม่ค่อยเจอ 建造される
อันนี้ผิดคำช่วยครับ ไม่มีอะไรพิเศษ
でも อันนี้เขาบอกว่า でも มีความหมายปฏิเสธแฝงอยู่ ใช้ จะเป็นธรรมชาติกว่า
壊した ผิดที่เรื่องสกรรม – อกรรมครับ แล้วเขาก็บอกว่า 壊れたก็ดี แต่ถ้าใช้ 故障した จะดีขึ้นไปอีก
打ち明け อันนี้เขียนผิดครับ
เขาบอกว่าใช้ を実感する เป็นธรรมชาติกว่า


หลังจากแก้รอบที่ 4 แล้วก็เห็นพัฒนาการมาเยอะครับ เพราะมีเปลี่ยนเนื้อหาจากตอนแรกไปเยอะเหมือนกัน ช่วงแรกอาจจะเพราะยังไม่เห็นจุดที่อยากพูดชัดเจน เลยได้งานไม่ดี พอเห็นจุดแล้วงานก็ดีขึ้น แต่ก็ยังมีส่วนที่ไม่จำเป็น สิ่งที่เป็นปัญหาสุดคือเป้าหมายครับ ผมมักชอบลืมว่าอันนี้ให้คนญี่ปุ่นอ่านนะ เพราะฉะนั้นผมต้องมองในมุมมองคนต่างชาติว่าเขาอ่านแล้วเข้าใจไหม ตอนนี้บทความก็ดีขึ้นมาก และรู้สึกมั่นใจขึ้นจากเดิมมากครับ (หลังจากเห็นปากกาชมพูเพื่อนเต็มหน้า จิตตกไปแป๊ปนึง 5555) จนถึงตอนนี้ถ้าหากว่ายังมีอะไรขาดตกบกพร่องไป รบกวนขอความเห็นด้วยครับ เอาล่ะ การเล่าพัฒนาการงานเขียนแนะนำมหาลัยของผมเองก็ขอจบแค่นี้ครับ ขอบคุณครับ ไว้เจอกันใหม่